500 episodes

ไฟล์เสียง บรรยายธรรมโดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

ธรรมอารี Dhamma Aree - พระมหาวรพรต กิตฺติวโร -

    • Religion & Spirituality
    • 5.0 • 31 Ratings

ไฟล์เสียง บรรยายธรรมโดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

    มลทิน 9 ประการ | พราหมณ์ผู้หมั่นสร้างบุญทีละเล็กทีละน้อย || 24 เม.ย. 67 (ค่ำ)

    มลทิน 9 ประการ | พราหมณ์ผู้หมั่นสร้างบุญทีละเล็กทีละน้อย || 24 เม.ย. 67 (ค่ำ)

    "อยู่กับกิเลสมาก ๆ มันจะกลายเป็น ..บางทีก็จะกลายเป็นนิสัย เป็นพฤติกรรมไปนะ เป็นพฤติกรรมไป ก็เป็นแง่มุมหนึ่ง แง่มุมของกิเลส เรียกว่า 'เป็นมลทินในจิตใจ'

    'มละ' [เป็นภาษาบาลี อ่านว่า มะ-ละ] ความเป็นมลทิน เป็นธรรมให้เกิดความเศร้าหมอง คือเป็นธรรมที่ทำให้ใจเศร้าหมอง

    มละ ..มลทินในจิตใจ กิเลสมันเป็นมลทิน

    อันนี้นี้ก็เวลาอยู่กับ ..มันก็แปลงสภาพมาจากโลภ โกรธ หลง นั่นแหละนะ อยู่กับโลภโกรธหลงมาก ๆ มันจะกลายเป็นกิริยาบางอย่าง เช่น อิจฉา ริษยา มีความตระหนี่ มีมายา มีความโอ้อวด อะไรพวกเนี้ยเนาะ มีความเห็นผิด

    นี่..รากเหง้าก็มาจากราคะ โทสะ โมหะ ให้เห็นแง่มุมของมล ..มลทิน ก็มีอยู่ 9 ประการ..."

    …………………………

    ถ่ายทอดธรรมโดย
    พระวรินทร นิทฺทโร
    ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา
    ค่ำ 24 เมษายน 2567

    ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
    Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree
    Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation
    YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree
    Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/
    SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree
    LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol
    LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ
    Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com
    TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

    • 30 min
    ผลกรรมของผู้ทำบาปต่อผู้ไม่ควร | นายพรานสุนัขชื่อโกกะ || 24 เม.ย. 67 (เช้า)

    ผลกรรมของผู้ทำบาปต่อผู้ไม่ควร | นายพรานสุนัขชื่อโกกะ || 24 เม.ย. 67 (เช้า)

    "..จิตใจเรา ถ้ามีกิเลสเสียแล้ว เรียกว่าไม่พ้นกันหรอกนะ อะไรที่มันจะชั่วช้า ชั่วหยาบ ก็พร้อมที่จะทำกันได้

    เพราะฉะนั้น ในข้อแรกก็จึงสำคัญอยู่มาก ในข้อแรกของโอวาทปาฏิโมกข์

    #การไม่ทำบาปทั้งปวง

    เรียกว่าถ้าละกันได้ กุศลอะไรเดี๋ยวก็ตามมาเอง
    .
    ก็มีคำเปรียบเปรยของครูบาอาจารย์ท่านอยู่ ก็เป็นคำสอนของปู่ชาท่านสอนไว้ว่า แม้ว่าการทำบุญโจรมันก็ทำได้ จริงหรือเปล่า #แต่ว่าการที่ไม่ทำชั่วทั้งปวงเรียกว่าเป็นเหตุของทุกสิ่งเลย

    ถ้าเราละเหตุจากการทำชั่วได้เราก็ไม่ต้องเป็นโจรซะแล้ว แต่ว่าในอีกมุมหนึ่งเนี่ย การเป็นโจรก็คือทำอะไรก็ตาม ที่ก่อให้เกิดความเบียดเบียน จะไปฆ่าสัตว์ ไปลักทรัพย์ ไปประพฤติผิดในกาม โจรก็จะมาทำบุญ มันก็ทำได้นะเพราะว่ามันเป็นคนละส่วนกัน แต่เหตุที่จะไม่ทำให้คนนั้นเป็นโจรเรียกว่าทำได้ยากกว่านะ

    ถ้าเราละเหตุจากนั้นได้ ก็เรียกว่าชีวิตเราก็ไกลจากความทุกข์ได้เยอะ
    .
    วันนี้ก็นำเรื่องราว เป็นตัวอย่างดูว่าถ้าใครก็ตามแต่ที่เขาได้ไปประทุษร้ายกับบุคคลที่เขาไม่ได้ประทุษร้ายต่อพระพุทธองค์ตรัสเป็นธรรมเทศนาไว้ ถ้าใครไปทำร้ายกับคนที่เขาไม่ทำร้ายเราตอบเนี่ยหรือไม่ได้มีเหตุที่ต้องทำร้ายเราด้วยซ้ำ เรียกว่ากรรมอันหนัก จะวกเข้ามาหาบุคคลผู้นั้นอย่างมากเลย

    พระองค์ก็ทรงเปรียบเหมือน บุคคลหนึ่งเขาได้กำเศษฝุ่นหรือเศษธุลีไว้ แล้วก็โปรยออกไปนะ ถึงจะโปรยออกไปห่างตัวไปให้ไกลตัวเลยเนี่ย แต่ด้วยความที่ลมมันพัดทวนกลับมา เศษฝุ่นที่มันโปรยออกไปย่อมพัดเข้ามาหาคนผู้นั้นอยู่แล้วนะ.."

    …………………………

    ถ่ายทอดธรรมโดย
    พระชยากร ภทฺทธมฺโม
    ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา
    เช้า 24 เมษายน 2567

    #งดชั่วทั้งปวง #ผลก

    • 27 min
    วางใจต่างกัน ผลการให้ทานย่อมต่างกัน | 23 เม.ย. 67 (ค่ำ)

    วางใจต่างกัน ผลการให้ทานย่อมต่างกัน | 23 เม.ย. 67 (ค่ำ)

    "...พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสถึงวางจิตในการให้ทาน วางจิตอย่างไรมีผลมาก วางจิตอย่างไรมีผลไม่มากนะ

    ก็เป็นเหตุการณ์ที่พระสารีบุตรได้เข้าไปถามพระศาสดา เหตุใดบุคคลให้ทานแล้วมีผลมาก บุคคลให้ทานแล้วไม่มีผลมาก ..เพราะเขาวางจิตต่างกัน

    เหมือนโยมนั่งสมาธิกันอยู่เนี่ย แต่ละคนจะมีอะไรที่ต่างกันนะ เพราะการวางจิตต่างกัน วางจิตเป็นสมุทัยบ้าง วางจิตเป็นมรรคบ้าง

    อย่างการให้ทานก็มีแง่มุม แค่การวางจิตพลิกกันนิดเดียว ผลต่างแล้ว

    ..เราหยิบของให้เหมือนกัน ให้เพื่อนก็ได้ ให้พระภิกษุสงฆ์ก็ได้ หยิบสิ่งเดียวกัน ให้เหมือนกัน แต่ใจเราวางไว้ต่างกัน ผลก็ต่างกัน

    แค่พลิกใจ ปรับจิตใจนิดเดียว ผลก็ต่างแล้ว..."

    …………………………

    ถ่ายทอดธรรมโดย
    พระวรินทร นิทฺทโร
    ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา
    ค่ำ 23 เมษายน 2567

    ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
    Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree
    Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation
    YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree
    Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/
    SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree
    LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol
    LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ
    Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com
    TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

    • 42 min
    อยู่อย่างลำบาก กุศลธรรมเจริญยิ่ง | 23 เม.ย. 67 (เช้า)

    อยู่อย่างลำบาก กุศลธรรมเจริญยิ่ง | 23 เม.ย. 67 (เช้า)

    "..บางทีถ้าเราอยู่อย่างลำบากไป อยู่อย่างที่คนสมัยก่อนเขาอยู่กัน บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่ก่อให้เกิดทุกข์ให้เกิดขึ้นมาในใจ อยู่แบบไหนก็อยู่ไปแบบนั้น
    .
    จะเห็นว่าวิถีชีวิตเนี่ยส่งผลอย่างมากต่อความทุกข์ในจิตใจเรา ซึ่งถ้าเราอยู่อย่างลำบากได้โดยใจไม่เดือดร้อน เรียกว่า ความทุกข์หายไปมากนะ ซึ่งถ้าลำบากในที่นี่เนี่ย ก็ดูจากข้อปฏิบัติก็ดูเหมือนจะไม่ต้องทำอะไรนะ ก็แค่ระงับจิตใจให้ได้ ไม่ให้ไหลไปเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่เรียกว่า กามคุณ
    .
    การได้มีโอกาสสมาทานรักษาศีลอุโบสถ ก็ขยับขึ้นมาอีก 3 ข้อ

    • ไม่ฉันอาหารไม่บริโภคอาหาร ไม่กินอาหารในเวลาวิกาล รู้จักพอเพียง อยู่กันแค่มื้อเช้าเนี่ยเมื่อเช้าก่อนพระอาทิตย์เขาจะเลยเที่ยงวันไปเนี่ยก็อยู่ได้นะ เรียกว่าชีวิตก็ไม่ตามใจปาก ลำบากไหมล่ะก็ลำบากสำหรับคนที่ไม่เคยทำนั่นเอง หรือใครที่ใช้ชีวิตตามใจมาตลอด เรียกว่าลำบากแน่นะ แต่ถ้าไปดูวิถีของพระก็ได้นะ อยู่ไปเถอะ ลำบากในช่วงแรกๆนะ อยู่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องมากินมื้อเย็น ถ้ายังรู้สึกว่ายังต้องมากินมื้อเย็นอยู่ ก็ปฏิบัติไปก่อน ทำไปก่อนนะ เดี๋ยวร่างกายหรือจิตใจเขาปรับเอง

    • การไม่ดูการละเล่นหรืองดเว้นจากการฟ้อนรำ ไม่ตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับ จะเห็นว่ามีแต่กิริยานะที่ต้องเข้าไปกระทำทั้งนั้นเลยเนี่ย ลำบากไหมก็ลำบากสำหรับคนที่ไม่เคยทำนะ แต่ถ้าใครที่เขาไม่ทำเป็นปกติ การเข้าไปทำกลายเป็นเรื่องลำบากสำหรับเขาเองเสียมากกว่า

    • การไม่นอนในที่นอนอันสูงใหญ่ การนอนในที่นอนอันพอเหมาะพองามนะ ไม่ได้นอนไปให้จิตใจเพลิดเพลินไปกับการนอนมาก ก็อยู่อย่างเรียบง่าย เมื่ออยู่อย่างเรียบง่ายก็เข้าใ

    • 16 min
    เสบียงบุญ ผู้ใดก็ทำแทนไม่ได้ | บุตรนายโคฆาตก์ || 22 เม.ย. 67 (ค่ำ)

    เสบียงบุญ ผู้ใดก็ทำแทนไม่ได้ | บุตรนายโคฆาตก์ || 22 เม.ย. 67 (ค่ำ)

    "..ลูกของบุตรนายโคฆาตก์มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา นึกถึงพ่อว่าไม่เคยทำบุญจึงชวนพ่อมาทำบุญ

    หลังจากนั้นก็ได้ให้พ่อที่ไม่เคยทำบุญสุนทานมาเลยนะได้มีโอกาสถวายทานถวายภัตตาหารพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคณะสงฆ์

    พอพระองค์ฉันกับคณะสงฆ์ฉันเสร็จก็อนุโมทนาทาน ตรัสพระกถาสอนสอนธรรมะไว้ว่า
    "บัดนี้ ท่านเป็นดุจใบไม้เหลือง ความตายปรากฏแก่ท่านแล้ว ท่านดำรงอยู่ปากทางแห่งความเสื่อม เสบียงของท่านก็ยังไม่มี ท่านจงทำที่พึ่งแก่ตน จงรีบพยายามเป็นคนดี กำจัดมลทิน จะเข้าถึงอารยธรรมอันเป็นทิพย์"

    ..พอได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วก็ตรัสรู้เป็นพระโสดาบันนะ บุตรนายโคฆาตก์ที่เป็นพ่อของลูก ๆ ทั้งหลายที่พาพ่อมาฟังธรรมก็ได้ตรัสรู้เป็นพระโสดาบัน

    อีกวันหนึ่งก็นิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคณะสงฆ์มาฉันภัตตาหารที่บ้านอีกครั้ง ถวายสังฆทานเรียบร้อย ฟังธรรม

    พระองค์ก็ตรัสพระกถาว่า
    "บัดนี้ ท่านเป็นผู้มีวัยชราน้อมเข้าไปแล้ว เตรียมพร้อมไปสู่สำนักของยมราช ที่พักระหว่างทางของท่านยังไม่มี ท่านจงทำที่พึ่งแก่ตน พยายามเป็นบัณฑิต
    ท่านกำจัดมลทินได้แล้ว ไม่มีกิเลส จะไม่เข้าถึงความเกิดและความตายอีก.."

    พอฟังพระธรรมเทศนาพระกถาก็ตรัสรู้พระอนาคามีบุคคล

    ก็เป็นนิทานสอนธรรมนะ เรื่องราวในธรรมบทสอนธรรม …

    คุณงามความดี เราก็หมั่นสร้างนะ ไม่มีใครทำแทนกันได้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ถ้าเราไม่สร้างไว้ ในการเดินทางในวัฏสงสารต้องมีเสบียงบุญคุณงามความดีนะ

    ถ้าเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ บารมียังไม่ถึงพร้อมที่จะตรัสรู้ธรรมก็ต้องสร้างกันไว้ สร้างกันไว้

    แต่ถ้าดีที่สุดนะ ..เจอเส้นทางแล้วก็ดำเนินไปให้สุด ให้สุดท้าง ..อย่างน้อยก็เต็มที่

    • 30 min
    พระปิลินทวัจฉเถระ วาทะว่าคนถ่อย แต่เป็นที่รักใคร่ของเทวดา | 22 เม.ย. 67 (เช้า)

    พระปิลินทวัจฉเถระ วาทะว่าคนถ่อย แต่เป็นที่รักใคร่ของเทวดา | 22 เม.ย. 67 (เช้า)

    "..พระเถระท่านก็มีอุปนิสัยในการที่ชอบเรียกคนอื่นเขาว่า เป็นคนถ่อย ฝ่ายภิกษุเองเนี่ยเขาได้ทราบเรื่องราว ก็มีความเคลือบแคลงสงสัยเหมือนกันว่าบรรดาพระอริยเจ้าแล้วเนี่ยปกติแล้วเนี่ยเขาชอบกล่าวคำหยาบหรือเปล่า กล่าวคำที่เป็น ผรุสวาจา หรือเปล่า ก็ได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลกับพระผู้มีพระภาคเจ้าท่าน
    .
    เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านก็ได้ทราบด้วยอุปนิสัยของท่านว่าท่านปิลินทวัจฉะ ท่านก็ได้เคยเกิดเป็นพราหมณ์มา ถ้าโดยศัพท์ที่เขาเขียนกันอยู่ในเรื่องราวก็เรียกว่าเกิดเป็นพราหมณ์มา 500 ชาติ แต่บางทีคำว่า 500 ก็เป็นสำนวน สำนวนที่เขาใช้ในพระไตรปิฎกแปลว่ามากก็ได้ ว่าเกิดมามากมายเลยนะ ก็ได้เกิดมาเป็นพราหมณ์ในหลายชาติด้วยกัน ซึ่งแต่ละชาติก็ชอบจะพูดคำว่า “วสละ” ที่แปลว่าคนถ่อยก็พูดอย่างนี้อยู่ตลอด
    .
    ในคราวได้เกิดมาในตระกูลพราหมณ์ ในภพชาตินี้เหมือนกัน ก็ยังติดอุปนิสัยเดิมอยู่ เวลาเจอผู้คนก็ทักทายเขาด้วยคำว่าคนถ่อย เรียกใคร หรือเป็นคฤหัสถ์ฆราวาสก็ดี แม้แต่พระภิกษุ ภิกษุที่อยู่ในศาสนาอื่นก็ดี ก็เรียกว่าคนถ่อยไว้ก่อน พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ทรงทราบอุปนิสัยจากข่ายระญาณของพระองค์เอง ก็จึงบอกกล่าวไปว่า ท่านปิลินทวัจฉะท่านก็ไม่ได้มีเจตนาอันมุ่งร้ายนะ การพูดของท่าน พูดออกมาแต่ละคราวก็ไม่ได้ประกอบไปด้วยโทสะ ไม่ได้มีจิตใจที่มุ่งที่จะเบียดเบียนนะอยากจะประทุษร้ายใคร แต่ว่าด้วยอุปนิสัยเดิมที่ทำมาแบบเดิม ทำอยู่ซ้ำๆพูดแบบนี้ซ้ำๆมาหลายภพหลายชาติก็เป็นธรรมดานะที่ท่านจะกล่าวออกมา โดยปกติ ด้วยความคุ้นเคยนั่นเอง แต่โดยอุปนิสัยจิตใจท่านนั้นก็ไม่ได้มีเจตนาที่มุ่งร้ายอะไร ก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำมาอย่างไรซ

    • 27 min

Customer Reviews

5.0 out of 5
31 Ratings

31 Ratings

Top Podcasts In Religion & Spirituality

หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
dhamma.com
ศาลา13
sala13
หลวงพ่อธัมมชโย นำนั่งสมาธิ
072
Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)
watpasukato
พุทธวจน
พุทธวจน
เสียง​อ่าน​ พุทธธรรม​ ฉบับ​ปรับ​ขยาย
อ่านโดย พระกฤช นิมฺมโล

You Might Also Like