Fatoutkey

Fatoutkey
Fatoutkey

พี่ปุ๋มมีความหลงไหลอย่างลึกซึ้งในการศึกษา ในเรื่องของสุขภาพ การลดน้ำหนัก และ การย้อนวัย พี่ปุ๋มจึงอยากแบ่งปันความรู้ที่พี่ปุ๋มอ่านจากงานวิจัย หนังสือ และ สื่อต่างๆ นำมาเขียนเป็นบทความและไฟล์เสียงให้น้องๆฟัง ติดตามตอนต่อไปนะคะ

  1. ประสิทธิภาพในการเคลียร์ LDL-C ด้วย LDL-Receptor ของมนุษย์ แตกต่างจาสัตว์อื่นอย่างไร (ไลฟ์ #91)

    MAR 7

    ประสิทธิภาพในการเคลียร์ LDL-C ด้วย LDL-Receptor ของมนุษย์ แตกต่างจาสัตว์อื่นอย่างไร (ไลฟ์ #91)

    ไลฟ์ #91: ประสิทธิภาพในการเคลียร์ LDL-C ด้วย LDL-Receptor ของมนุษย์ แตกต่างจาสัตว์อื่นอย่างไร มนุษย์เป็ Carnivore จริงหรือ?โดยวิวัฒนาการ มนุษย์เป็นสายพันธุ์ที่ไม่อาจเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จที่สุดบนโลกใบนี้เพราะ1. ด้วยจำนวนประชากรราว 8 พันล้านคน เทียบไม่ได้เลยกับประชากรมดที่มีนับร้อยพันล้านตัว2. ถ้าเปรียบเทียบในเชิงไบโอแมสกันแล้ว มีจำนวนวัวมากกว่ามนุษย์ 50%3. ในแง่ของความมีอายุขัยที่ยืนยาว มนุษย์สายพันธุ์โฮโมเซเปียนเพิ่งถือกำเนิดบนโลกราวแสนปี ในขณะที่ Horseshoe Crab Limulus อยู่บนโลกนี้มาแล้ว 150 ล้านปีมีอยู่อย่างเดียวที่มนุษย์ทำได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่น คือการมีสมองที่ประเสริฐและขึ้นมาเดินสองขา ทำให้มนุษย์กระจายเผ่าพันธุ์ไปทั่วโลกจาก Arctic Greenland ถึง ทะเลสาปเดดซี เป็นที่มาของคำถามที่ดีเบตกันมานานที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติคือWhat is human nutrition? มนุษย์เป็นสัตว์ที่กินสัตว์อย่างเดียว (Carnivore) หรือกินพืชอย่างเดียว (Herbivore) หรือ กินทั้งพืชและสัตว์ (Omnivore)ในไลฟ์ #91 พี่ปุ๋ม จะนำหลักฐานงานวิจัยและจากหนังสือด้านวิวัฒนาการที่น่าสนใจมาเล่าให้น้องๆฟัง แต่งานวิจัย 2 ฉบับที่นำมาแสดง จะมุ่งเน้นที่เรื่องประสิทธิภาพการเคลียร์ LDL-C ออกจากกระแสเลือดกลับตับด้วย LDL-Receptor ในสัตว์ต่างสายพันธุ์รวมถึงมนุษย์ เพื่อสนับสนุนว่าโดยวิวัฒนาการแล้ว มนุษย์ไม่ได้มีธรรมชาติเป็นสัตว์ที่กินเนื้อสัตว์แต่เพียงอย่างเดียว (Carnivore) หรือกินพืชแต่เพียงอย่างเดียว (Herbivore) แต่เราเป็นสายพันธุ์ที่เรียกว่า Opportunistic Omnivoresเชิญพบกับไลฟ์#91 ได้เลยค่ะสารบัญ0:00:00 Introduction0:05:00 Hot News0:15:07 สรปงานวิจัย Role of liver in the maintenance of cholesterol and low density lipoproteinhomeostasis in different animal species, including humans.01:05:55 หลักฐานจากหนังสือ 2 เล่มว่า มนุษย์ไม่ใช่ Carnivore, Herbivoreแต่คือ Opportunistic Omnivore01:14:28 บทสรุป

    1h 20m
  2. หลักฐานทางคลินิคและพยาธิวิทยา ที่สนับสนุน “The zero-LDL Hypothesis” (ไลฟ์ #90)

    FEB 25

    หลักฐานทางคลินิคและพยาธิวิทยา ที่สนับสนุน “The zero-LDL Hypothesis” (ไลฟ์ #90)

    ไลฟ์ #90: หลักฐานทางคลินิคและพยาธิวิทยา ที่สนับสนุน “The zero-LDL Hypothesis”วันจันทร์ 24 ก.พ. 2568เวลา 20.00 น.✅ จากหลักฐาน A consensus statement from the European Atherosclerosis Society Consensus Panel“Low-density Lipoproteins cause atherosclerotic cardiovascular disease. 1. Evidence from genetic. Epidemiologic, and clinical studies.ตีพิมพ์ใน European Heart Journal 24 April, 2017 ซึ่งรวบรวมการติดตามคนไข้ไป 20 million person years พบความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงระหว่างระดับ LDL-Cholesterol กับ ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ ยิ่งลดระดับ LDL-Cholesterol ได้ต่ำเท่าไหร่ ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจก็ลดลงเท่านั้น✅ ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานทางคลินิกที่สนับสนุนผลลัพธ์ของการลดระดับ LDL-C ในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ยังคงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งที่จะศึกษาว่า การลดระดับ LDL-C ให้ต่ำอย่างยิ่งยวด มีผลกระทบต่อภาวะธำรงดุลของไขมันในเลือด (Lipid Homeostasis) หรือไม่👩🏻‍💻 ในไลฟ์ #90 นี้ พี่ปุ๋มจะพาน้องๆไปสำรวจหลักฐานงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของการลดระดับ LDL-C ให้ต่ำอย่างยิ่งยวด “The zero-LDL Hypothesis” ว่ามีผลในด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างไร มีอาการข้างเคียงที่น่ากังวลใจหรือไม่ ตามที่กลุ่มที่ปฏิเสธอันตรายของการปล่อยให้มีระดับ LDL-C ในเลือดสูง เขาพากันสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นใน social media ว่าการลดระดับ LDL-C ให้ต่ำอย่างยิ่งยวดเป็นอันตรายต่อสมอง ต่อการทำงานของเซลล์ เราจะมาสำรวจข้อเท็จจริงกันเชิญรับชมได้เลยค่ะ 😊#หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatOutHealthspans

    1h 47m
  3. FEB 25

    สรุปเลคเชอร์ Dr. Kevin Hall เรื่องประสิทธิภาพของยาลดความอ้วนกลุ่ม GLP-1 Receptor Agonist (ไลฟ์ #89)

    การกินถูกควบคุมอัตโนมัติ (แต่เรามักจะไม่เชื่อกันว่า เวลาเราสั่งผัดกะเพราเนื้อริบอายจากร้านนี้นั้น สมองส่วน hypothalamus เป็นผู้สั่ง เพราะมันคือ option generator ที่อยู่ตำแหน่งบนสุด เราไม่ได้สั่งมาจาก conscious brain) เหมือนความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด อุณหภูมิร่างกาย มีระบบ feedback control ที่แน่นหนา เราจึงพบว่าการลดน้ำหนักที่ดูเหมือนง่าย เพราะก็แค่ควบคุมการกินเข้าให้เท่ากับการใช้ออกไป แต่กลับไม่ง่ายเพราะCalories in & Calories out are not independent มีระบบควบคุมน้ำหนักอยู่ที่ hypothalamus คอยปรับสมดุล CI และ CO อยู่เสมอ มีงานวิจัยสำคัญชื่อ Long-Term Persistence of Hormonal Adaptations to Weight Loss ตีพิมพ์ใน NEJM ในปี 2554 ที่อธิบาย biological feedback เมื่อเราลดน้ำหนัก ผ่านฮอร์โมนหิวและอิ่ม leptin เพื่อพาร่างกลับไปที่จุดตั้งค่าน้ำหนักเดิมตอนที่เราอ้วน เมื่อเราลดน้ำหนักไปสักพัก เราจะถึงจุดที่เรียกว่า weight plateau ลดน้ำหนักต่อไปไม่ได้อีกแล้ว และน้ำหนักกำลังจะคืบคลานกลับไปที่จุดตั้งค่าน้ำหนักเดิมตอนอ้วน นั่นหมายถึงผู้ที่ลดน้ำหนักกำลังต่อสู้กับ “Biology” ของตัวเอง ซึ่ง Dr.Stephan Guyenet ผู้เขียนหนังสือชื่อ “The Hungry Brain” กล่าวว่า “Biology always wins” 😭Dr. Kevin D. Hall; Section Chief Integrative Physiology Section, Laboratory of Biological Modeling ของ NIDDK-NIH ไปเป็นหนึ่งใน keynote speaker ของงาน 22nd World Congress on IR, DM & CVD ซึ่งจัดขึ้นที่ Los Angelis, USA เมื่อวันที่ 12-14 ธ.ค. 2567 หัวข้อที่ Dr.Kevin Hall ไปพูดเกี่ยวกับ weight loss plateau and the effects of GLP-1 receptor agonists ถึงแม้ว่า vdo และสไลด์การนำเสนอเรื่องนี้จะยังไม่มีให้ได้รับชมผ่าน healio (คงอีกสักพัก) แต่ healio ก็ได้สรุปข้อมูลสำคัญเลคเชอร์ของ Dr.Kevin Hall ไว้ได้กระชับ จนพี่ปุ๋มอยากจะนำมาสรุปให้น้องๆได้ฟัง 3 หัวข้อคือสารบัญ0:00:00 ทักทาย0:01:54 Introduction0:07:14 ระบบควบคุมสมดุลพลังงานในร่างกาย0:48:20 สรุปเล็คเชอร์ของ Dr.Kevin Hall1:17:26 Spring Model of Metabolic Adaptation ปริมาณน้ำหนักที่ลดลง มีผลต่อ Metabolic Adaptation ต่างกันอย่างไร1:19:14 มีวิธีใดบ้างที่นอกจากยาที่จะช่วยให้เกิดแรงต้านทาง Biology Feedback ลดลงเมื่อลดน้ำหนัก1:24:38 การจัดการความหิว ความอิ่ม1:28:19 การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ1:31:47 กลยุทธ์ในการรักษาน้ำหนักที่ลดไว้ได้นานเชิญรับชมได้ค่ะ#หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatOutHealthspansKevin Hall lecture: Newer obesity drugs alter appetite feedback control, allow greater long-term weight losshttps://www.healio.com/news/endocrinology/20241219/newer-obesity-drugs-alter-energy-balance-allow-greater-longterm-weight-lossด้ได

    1h 38m
  4. กินยาลดไขมันกลุ่ม statin ยืดอายุการตายได้นานกว่าแค่ 3 วัน…จริงหรือ? (ไลฟ์ #88)

    FEB 25

    กินยาลดไขมันกลุ่ม statin ยืดอายุการตายได้นานกว่าแค่ 3 วัน…จริงหรือ? (ไลฟ์ #88)

    ไลฟ์ #88: กินยาลดไขมันกลุ่ม statin ยืดอายุการตายได้นานกว่าแค่ 3 วัน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยา…จริงหรือ?วันจันทร์ 30 ธ.ค. 2567เวลา 20.00 น.เพิ่งชม vdo ล่าสุด “Do Statins only add 3 DAYS to your life?!” ทางช่องวิทยาศาสตร์สุขภาพโปรดของพี่ Nutrition Made Simple โดย Dr.Gil Carvalho ซึ่งอธิบายได้ถ่องแท้มาก จนพี่ตัดสินใจเลือกนำมาสรุปเป็นไลฟ์ส่งท้ายปี 2567 ให้น้องๆฟังกันว่าประโยคดังกล่าว…จริงหรือ?พี่เห็น Health Influencers จำนวนหนึ่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่สำคัญเป็นบุคคลากรทางการแพทย์เสียด้วย ซึ่งปฏิเสธการได้รับยากลุ่ม Statins เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด โดยอ้างอิงงานวิจัยฉบับหนึ่งซึ่งให้ข้อสรุปว่า กลุ่มคนที่ได้รับยากลุ่ม statins vs กลุ่มที่ไม่ได้รับยา แล้วติดตามไป 5 ปี พบว่ากลุ่มที่ได้รับยา statins ตายช้ากว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาแค่ 3 วัน แล้วก็สาธยายอาการข้างเคียงของยากลุ่ม statins ซะจนน่ากลัว เช่น ทำให้สมองเสื่อม ทำลายตับ ลดการผลิตฮอร์โมนเพศ ฯลฯแล้วก็นำงานวิจัยนี้มาชวนเชื่อสาวกให้ปฏิเสธการได้รับยากลุ่ม statins จากแพทย์ ทำให้เป็นเรื่องขบขันในกลุ่มสาวกว่ากินยาไปตลอดชีวิตกลับตายช้ากว่าแค่ 3 วัน โดยไม่ได้อ่านสิ่งที่ผู้ทำงานวิจัยฉบับนี้เขียนข้อสรุปในการแปลผลทางสถิติของงานวิจัยว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง พี่จึงเห็นว่าไลฟ์นี้จะช่วยให้ข้อเท็จจริงที่ health influencers กลุ่มนี้ไม่เข้าใจ จะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อ health influencers ที่ไม่ได้มีความเข้าใจสถิติเบื้องต้น ไม่เข้าใจระเบียบวิธีวิจัย และการแปลผลข้อมูลทางสถิติ ที่สำคัญไม่อ่านงานวิจัยให้ละเอียดถี่ถ้วน แต่มีทักษะในการ “เล่าเรื่อง” ชวนเชื่อได้เคลิ้มมาก 😖00:00:00 เริ่ม00:57:51 สรุปเชิญรับชมได้เลยค่ะ#หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatOutHealthspans

    1h 14m
  5. ข้อบกพร่องงานวิจัย Keto trial (Lean Mass Hyper Responder trial) (Live87)

    12/01/2024

    ข้อบกพร่องงานวิจัย Keto trial (Lean Mass Hyper Responder trial) (Live87)

    ไลฟ์ #87: ข้อบกพร่องงานวิจัย Keto trial (Lean Mass Hyper Responder trial) วันเสาร์ 30 พ.ย. 2567เวลา 19.00 น. ความพยายามที่ Dave Feldman จะพิสูจน์ Lipid Energy Model ในกลุ่ม Lean Mass Hyper Responder Phenotypes ที่ได้รับโภชนาการแบบคีโตเป็นเวลานานแล้วทำให้ระดับ LDL-C สูงลิ่ว Triglyceride ต่ำ และ HDL-C สูงลิ่ว (Lipid Triad) ว่าไม่มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันทำให้เขาก่อตั้ง Citizen Science Foundations เพื่อระดมทุนในการทำการศึกษาเกี่ยวกับ LMHRs การศึกษาแรกภายใต้การระดมทุนขององค์กรนี้ชื่อ Carbohydrate Restriction-Induced Elevation in LDL-Cholesterol and Atherosclerosis (Keto trial) ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร JACC: Advance Vol 3, Issue 8 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 พี่ปุ๋มวางลิ้งค์งานวิจัยฉบับเต็มไว้ให้ค่ะ https://www.sciencedirect.com/.../pii/S2772963X2400303X...การศึกษานี้นักวิจัยที่เป็นชื่อแรกในการศึกษาคือ Matthew Budoff MD. วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง LDL-Cholesterol และตัวบ่งชี้ (CCTA และ CAC) หลอดเลือดหัวใจอุดตันในกลุ่ม LMHR Phenotypesการศึกษานี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จาก Science Community อย่างร้อนแรง ตั้งแต่ criteria การคัดเลือก LMHR เพื่อเข้า-ออกจากการศึกษา ระเบียบวิธีวิจัย การแปลผล กลุ่มควบคุม (Controlled group) ระยะเวลาของการศึกษา ฯลฯในไลฟ์ #87 นี้ พี่ปุ๋มจะใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง ในการชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของการศึกษานี้ เพื่อให้พวกเราได้รับข้อมูลหลากหลายด้าน นำมาประกอบการพิจารณาเลือกใช้โภชนาการที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพหัวใจกันค่ะเชิญรับชมได้ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatOutHealthspans

    1h 26m
  6. N = 1 Bro Science กินไข่ 720 ฟองต่อเดือน ทำไมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดไม่เพิ่มขึ้น? (Live86)

    11/24/2024

    N = 1 Bro Science กินไข่ 720 ฟองต่อเดือน ทำไมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดไม่เพิ่มขึ้น? (Live86)

    ไลฟ์ #86: N = 1 Bro Science กินไข่ 720 ฟองต่อเดือน ทำไมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดไม่เพิ่มขึ้น 😁 วันเสาร์ 23 พ.ย. 2568 เวลา 19.00 น. หลังจาก N = 1 Oreo cookie ลดระดับ LDL-C ใน LMHR Phenotype ของ Nick Norwitz เขาก็สร้าง Click bait N = 1 Bro Scienceใหม่ด้วยการกินไข่ชั่วโมงละ 1 ฟองติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน รวมจำนวนไข่ที่เขาบริโภค 720 ฟอง 🥚🥚🥚 คอเลสเตอรอล 185 มก./ไข่ 1 ฟอง = 133,200 มก. ปรากฎว่านอกจากระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดของเขาไม่เพิ่มเลย หนำซ้ำกลับลดลงราว 18% ด้วยซ้ำ เมื่อเขาเพิ่มการกินคาร์บ เป็นที่ฮือฮาในกลุ่มที่เชื่อว่าการบริโภคไข่ ซึ่งเป็นแหล่งให้ dietary cholesterol มากเท่าไหร่ ก็ไม่มีผลกระทบกับระดับคอเลสเตอรอลในเลือด สิ่งที่ Nick Norwitz ไม่อธิบายข้อเท็จจริงให้ชัดเจน จากงานวิจัยที่พี่มั่นใจว่าเขารู้ และชอบอ้างว่า สิ่งที่เขาทำเป็น “Intellectual Provocative” สนุกๆของเขา โดยไม่มีคำเตือนให้กับประชาชนอย่างเหมาะสม ในฐานะที่เขาเป็นบุคคลากรทางการแพทย์ อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและอาจเกิดการปฏิบัติตามต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลอดเลือดหัวใจได้ ปรากฎการณ์ที่ดูตื่นเต้นเร้าใจของเขานี้ อธิบายได้ง่ายๆด้วยกราฟจากงานวิจัยสำคัญเพียงฉบับเดียว ที่พี่เห็นว่ามันจะช่วยทำให้น้องๆรู้เท่าทัน Click bait แบบ N = 1 Bro Science นี้ได้ดีขึ้นในอนาคตค่ะ นอกจากนั้น เราจะมาดูงานวิจัยระดับ Systematic review and meta-analysis รวมถึงคำแนะนำจาก Dietary Guidance ปี 2021 จาก American Heart Association และจาก European Society of Cardioligy ว่า dietary cholesterol สัมพันธ์กับระดับ cholesterol ในเลือดอย่างไร และแนะนำให้บริโภคคอเลสเตอรอลต่อวันเท่าไหร่ เชิญรับชมได้เลยค่ะ

    1h 16m
  7. ข้อบกพร่อง Lipid Energy Model & Lean Mass Hyper Responder ของ Dave Feldman (Live85)

    10/27/2024

    ข้อบกพร่อง Lipid Energy Model & Lean Mass Hyper Responder ของ Dave Feldman (Live85)

    ไลฟ์ #85: ข้อบกพร่อง Lipid Energy Model & Lean Mass Hyper Responder ของ Dave Feldman จาก paper The Lipid Energy Model: Reimagining Lipoprotein Function in the Context of Carbohydrate-Restricted Diets ในปี 2565 Dave Feldman และคณะ ให้คำจำกัดความว่า Lean Mass Hyper Responder phenotype คือคนที่ lean BMI ต่ำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เมื่อรับประทานไดเอ็ทที่คาร์บต่ำยิ่งยวด ไขมันสูง แล้วเกิดปรากฎการณ์ที่ระดับ LDL-C สูงเกิน 300 มก/ดล ไตรกลีเซอไรด์ต่ำ (47 มก/ดล) และ HDL-C สูง (99 มก/ดล) key point ที่สำคัญของ Lipid Energy Model (LEM) กับ Lean Mass Hyper Responder (LMHR) ที่ Dave ตั้งสมมุติฐานคือ 1. ในคนที่มี LMHR phenotype นั้น LDL-C ที่สูงกระฉูด เป็น Physiological adaptive response ของการกินคาร์บต่ำอย่างยิ่งยวด และ ไขมันสูงลิ่ว ที่เกิดจากกลไกสำคัญ 2 ประการคือ 1.1 ตับสร้าง VLDL สูงมาก เพื่อขนส่ง Triglyceride และ มีการทำงานของเอ็นไซม์ Lipoprotein Lipase สูง จึงนำไปสู่การมีระดับไตรกลีเซอไรด์ต่ำ และนำไปสู่การมีระดับ LDL-C สูงลิ่วตามมา 1.2 มีการทำงานของ Cholesteryl Ester Transfer Protein (CETP) ต่ำ นำไปสู่การมีระดับ HDL-C สูง Dave เชื่อว่าการกินไขมันอิ่มตัวสูง มีอิทธิพลน้อยกว่า BMI ในการทำให้เกิดปรากฎการณ์ LDL-C สูงลิ่ว และ LEM เป็น Physiological adaptation ใน LMHR phenotype 2. Dave เชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นใน LMHR เป็น Physiological adaptation ไม่ใช่ Pathological state ดังนั้นคนกลุ่มนี้ทนทานต่อการเกิด plaque ในหลอดเลือด มากกว่าคนที่มี Metabolic Syndrome จากการที่มี TG/HDL น้อยกว่า 2 บัดนี้โคนันยอดนักสืบหญิงพร้อมแล้วที่จะอธิบายข้อบกพร่องของ Lipid Energy Model & Lean Mass Hyper Responder ของพี่ Dave Feldman ตามสมมุติฐาน 2 ข้อของเขา พบกันวันเสาร์ 26 ต.ค. เวลา 19.00 น.ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans

    1h 35m
  8. สรุปดีเบทระหว่าง Dr.Gil Carvalho vs Dr.Ken Berry “Oat เป็นอาหารที่อันตรายต่อสุขภาพ จริงหรือ? (Live84)

    10/27/2024

    สรุปดีเบทระหว่าง Dr.Gil Carvalho vs Dr.Ken Berry “Oat เป็นอาหารที่อันตรายต่อสุขภาพ จริงหรือ? (Live84)

    Dr.Gil Carvalho เจ้าของช่อง Nutrition Made Simple ซึ่งเป็นช่องยูทูปสุขภาพที่พี่ปุ๋มแนะนำน้องๆให้ติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะข้อมูลสุขภาพที่นำมาเผยแพร่นั้นเป็น evidence based data ที่มีคุณภาพและค่อนข้างเป็นเอกฉันท์จากหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก เขาได้รับคำถามจากสมาชิกช่อง ขอให้สร้างความกระจ่างกับวิดีโอจากช่องยูทูปของ Dr.Ken Berry ว่ามีหลักฐานทางงานวิจัยสนับสนุนว่าโอ๊ตเป็นอันตรายต่อสุขภาพจริงหรือ วิดีโอดังกล่าวชื่อ 1. What will happen if you eat Oatmeal Everyday? (Shock Answer) มีคนเข้าชม 2.2 ล้านวิว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2563 (ลองนึกถึงความเสียหายของ misinformation ที่ถูกเผยแพร่ออกไป) 2. Worst breakfast in the world (Avoid this!) มีคนเข้าชม 954,755 วิว เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2561 แทนที่ Dr.Gil จะทำวิดีโอ “debunk” หักล้างข้อมูลเรื่องอันตรายของข้าวโอ๊ตที่ Dr.Ken Berry นำเสนอเหมือนอย่างที่ช่อง YouTube อื่นทำกัน Dr.Gil กลับเชิญ Dr.Ken Berry ให้มาพูดคุยทางช่อง YT Nutrition Made Simple แล้วให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสินเอง (fair enough ค่ะ) วิดีโอออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ต.ค.2567 หัวข้อดีเบท 1. Are oats a superfood? 2. Are oat ancestral? 3. Oat, glucose “spikes”& diabetes 4. Glycated Hemoglobin (HbA1C) 5. Oats & blood pressure 6. Summary & takeaways Dr. Gil ใช้งานวิจัยหักล้าง “เรื่องเล่า” ของ Dr.Ken Berry ดังนี้ Paleoanthropology &oats https://www.pnas.org/doi/abs/10.1073/pnas.1505213112 https://science.sciencemag.org/content/326/5960/1680.full Oats & exercise & glucose https://diabetesjournals.org/.../Intense-Exercise-Has... Oats & glycation (HbA1C) https://pubs.rsc.org/.../articl.../2016/fo/c5fo01364j/unauth https://link.springer.com/article/10.1007/s00394-021-02763-1 https://drc.bmj.com/content/10/5/e002784 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4446761 Oats & Blood pressure http://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S2212267222011960 https://www.sciencedirect.com/.../pii/S0167527304001391 https://www.mdpi.com/2072-6643/9/2/89 #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans

    1h 17m

    About

    พี่ปุ๋มมีความหลงไหลอย่างลึกซึ้งในการศึกษา ในเรื่องของสุขภาพ การลดน้ำหนัก และ การย้อนวัย พี่ปุ๋มจึงอยากแบ่งปันความรู้ที่พี่ปุ๋มอ่านจากงานวิจัย หนังสือ และ สื่อต่างๆ นำมาเขียนเป็นบทความและไฟล์เสียงให้น้องๆฟัง ติดตามตอนต่อไปนะคะ

    Content Restricted

    This episode can’t be played on the web in your country or region.

    To listen to explicit episodes, sign in.

    Stay up to date with this show

    Sign in or sign up to follow shows, save episodes, and get the latest updates.

    Select a country or region

    Africa, Middle East, and India

    Asia Pacific

    Europe

    Latin America and the Caribbean

    The United States and Canada