กฎหมายออนไลน์ กฎหมายออนไลน์
-
- Arts
-
กฎหมายออนไลน์ เผยแพร่ความรู้ข้อกฎหมายใกล้ตัวที่ประชาชนทุกท่านควรทราบ ครับ 😊
-
การเตรียมตัวไปศาลในฐานะจำเลยคดีแพ่ง
การเตรียมตัวไปศาลในฐานะจำเลยคดีแพ่ง
-ยื่นคำให้การภายใน๑๕วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง
-กรณีส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีปิดหมายหรือประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เริ่มนับระยะเวลาเมื่อพ้น ๑๕ วันนับแต่วันปิดหรือประกาศโฆษณา จำเลยจึงยื่นคำให้การได้ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ปิดหรือประกาศโฆษณา
-เมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้ว มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามคำสั่งศาลถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ -
การเบิกความ
การเบิกความ คืออะไร
การที่บุคคลไปให้ข้อมูลแก่ศาลในการดำเนินกระบวน
พิจารณาคดีเพื่อให้ศาลใช้ข้อมูลที่ได้รับประกอบการพิจารณา
พิพากษาคดีนั้น โดยการให้ข้อมูลดังกล่าวจะทำด้วยการให้บุคคล
ที่ไปเบิกความตอบคำถามของศาลหรือของคู่ความแต่ละฝ่าย
พยานควรเบิกความเฉพาะเท่าที่ตนได้เห็น ได้ยิน หรือ
ได้ทราบโดยตรงเท่านั้น และต้องเบิกความด้วยวาจาและห้ามพยาน
อ่านข้อความที่จด หรือเขียนมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
หากเหตุการณ์ที่พยานไม่แน่ใจหรือจำไม่ได้ให้ตอบไปตรงๆว่าพยาน
ไม่แน่ใจหรือจำไม่ได้ ถ้าพยานฟังคำถามของคู่ความหรือทนายความ
ไม่ชัดเจน พยานอาจขอให้คู่ความหรือทนายความทวนคำถาม
ใหม่ได้
เมื่อเบิกความเสร็จแล้วศาลจะอ่านคำเบิกความที่บันทึกให้แก่ พยานฟัง ถ้าพยานเห็นว่า มีข้อความใด ไม่ตรงกับที่ได้เบิกความไว้ พยานก็สามารถทักท้วงขอแก้ไขได้หากข้อความดังกล่าวถูกต้องทั้งหมดแล้ว ศาลจะให้พยานลงลายมือชื่อไว้ท้ายคำเบิกความและ เป็นอันเสร็จสิ้นการเป็นพยาน
เบิกความเท็จ จะมีความผิดหรือไม่
การเบิกความเท็จเป็นการที่พยานเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จมาเบิกความ ต่อศาล ไม่ว่าพยานผู้นั้นจะได้สาบานหรือปฏิญาณตนก่อนเบิกความหรือไม่ก็ตาม และที่สำคัญ ความเท็จนั้นต้องเป็นข้อมูลสำคัญในคดีที่จะมีผลต่อการวินิจฉัยของศาล ที่จะนำไปสู่การแพ้หรือชนะคดี
ถ้าเบิกความเท็จผู้เบิกความจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ทั้งนี้จะต้องเบิกความไป โดยมีเจตนาคือรู้อยู่แล้วว่าข้อความที่ตนเบิกความนั้น เป็นเท็จการเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลจึงมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน ๕ ปีหรือปร -
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมคุณสมบัติของผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรม และผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม
1. ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และต้องมีอายุแก่กว่าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม
อย่างน้อย 15 ปี
2. ผู้เป็นบุตรบุญธรรมที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ต้องให้ความยินยอมด้วยตนเอง
3. ผู้เป็นบุตรบุญธรรมที่เป็นผู้เยาว์ต้องได้รับความยินยอมจาก บิดา และมารดา หรือผู้ปกครอง
4. ผู้จะรับบุตรบุญธรรม หรือผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ถ้ามีคู่สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอมจาก
คู่สมรสก่อน
5. ผู้เยาว์ที่เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลใดอยู่ จะเป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นอีก
ในขณะเดียวกันไม่ได้ เว้นแต่เป็นบุตรบุญธรรม ของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม
ขั้นตอนการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
1. กรณีบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ ต้องผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมก่อนโดย
- กรณีที่ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือต่างประเทศให้ยื่นคำขอพร้อมหนังสือ แสดงความยินยอม ของบุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอม ณ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม กรมประชาสงเคราะห์
- กรณีมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัด ให้ยื่นคำขอ พร้อมหนังสือแสดงความยินยอม ของบุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอม ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือที่ทำการประชาสงเคราะห์จังหวัด
* เมื่อคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม อนุมัติให้มีการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ ให้นำหนังสือแจ้งคำอนุมัติของคณะกรรมการดังกล่าวไปร้องขอจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือ -
ความแตกต่างระหว่างคดีแพ่งกับคดีอาญา
ความแตกต่างระหว่างคดีแพ่งกับคดีอาญา
คดีแพ่ง เป็นคดีที่มีการโต้แย้งสิทธิหรือมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาล คดีที่มีการโต้แย้งสิทธิ เช่น การฟ้องให้ผู้กู้ชำระเงินตามสัญญากู้หรือการฟ้องให้ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์ของการฟ้องมุ่งให้จำเลยชำระเงิน หรือส่งมอบทรัพย์สิน มิใช่มุ่งที่จะให้จำเลยต้องถูกลงโทษ เช่น จำคุก ดังเช่นคดีอาญา
คดีแพ่ง อีกกรณีหนึ่งคือ คดีที่มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาล เป็นเรื่องที่ กฎหมายกำหนดให้บุคคลใช้สิทธิทางศาล เพื่อรับรอง คุ้มครองสิทธิของตน เช่น การร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ หากไม่มีผู้ร้องคัดค้านคำร้องนั้นเข้ามาถือว่า เป็นคดีไม่มีข้อพิพาท
คดีอาญา
เป็น คดีที่เกิดขึ้นจากการกระทำฝ่าฝืนข้อห้าม ของกฎหมายที่บัญญัติว่า การกระทำดังกล่าวนั้น เป็นความผิดและมีบทลงโทษทางอาญา เกี่ยวกับความผิดและ โทษซึ่งกำหนดไว้ใน ประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นๆ เช่นพระราชบัญญัติต่างๆ ซึ่งอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นๆ ซึ่งมีโทษในทางอาญา หรือที่พูดกันว่า ฟ้องให้ติดคุก หรือรับโทษอื่นๆ ในทางอาญา -
สัญญาประนีประนอมยอมความ
สัญญาประนีประนอมยอมความ คือ สัญญาที่ผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาท ด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน และจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ต่อเมื่อ สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ตามที่ ปพพ.มาตรา ๘๕๐ อันว่าประนีประนอมยอมความนั้น คือสัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ หรือจะมีขึ้นนั้น ให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
มาตรา ๘๕๑ อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
มาตรา ๘๕๒ ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้อง ซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้น ระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่าย ได้สิทธิตามที่แสดง ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน -
การจดทะเบียนรับรองบุตร
การจดทะเบียนรับรองบุตร เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้บุตรนอกสมรส เป็นบุตร ที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา เนื่องจากบุตรที่เกิดจากบิดา และมารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดาเท่านั้น
ขั้นตอนการจดทะเบียนรับรองบุตร
สามารถทำได้โดยให้บิดาเป็นผู้ยื่นคำร้อง ณ สำนักทะเบียนอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักงานเขต แห่งใดก็ได้ โดยหลักฐานที่ต้องนำไปในวันจดทะเบียน คือ
๑. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน ของบิดา มารดา และ บุตร
๒. บัตรประจำตัวประชาชน ของบิดา มารดา สูติบัตรของบุตร ไปแสดง
๓. พยานบุคคลจำนวน 2 คน
ทั้งนี้การจดทะเบียนรับรองบุตร มารดาและบุตรต้องให้ความยินยอมด้วย ในกรณีที่มารดาหรือบุตรคัดค้านว่า บิดาผู้ขอจดทะเบียนรับรองบุตรไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ในกรณีบุตรเป็น ผู้เยาว์ไร้เดียงสา หรือมารดาเสียชีวิตแล้ว ในกรณีเหล่านี้ นายทะเบียนไม่สามารถจดทะเบียนรับรองบุตรให้ได้ นอกจากจะได้ยื่นร้องต่อศาลให้มีคำพิพากษาให้บิดาจดทะเบียนรับรองบุตรได้ไปแสดง
* ปัจจุบัน การจดทะเบียนรับรองบุตรไม่เสียค่าธรรมเนียมครับ