81 episodes

ธรรมละนิด

ธรรมละนิ‪ด‬ พระอาจารย์ชยสาโร

    • Religion & Spirituality

ธรรมละนิด

    ธรรมละนิด : การุณยฆาต

    ธรรมละนิด : การุณยฆาต

    พระอาจารย์มีความเห็นเกี่ยวกับ ‘การุณยฆาต’ อย่างไร
    หากมนุษย์คนหนึ่งใช้ชีวิตมาอย่างเต็มที่แล้ว
    พอใจในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองมาก และพอใจที่จะมีอายุขัยแค่อายุ ๖๐ ปี
    ไม่ได้ป่วยร้ายแรง ไม่ได้มีอาการซึมเศร้า ทำไมการทำ ‘การุณยฆาต’
    ถึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควร หากการมีอายุที่มากขึ้นคือการทรมาน สังขารอาจเสื่อมลงกว่านี้?

    ข้อแรก ก็ไม่เห็นด้วยกับการขโมยคำว่า “กรุณา” ใช้ในการฆ่าคน ก็แปลไม่ดี คือมันแปลแบบไม่ยุติธรรม มันกลับเป็นการบอกอยู่ในตัวว่าเป็นสิ่งที่ดี พอฟังว่า “กรุณา” โอ้...ฆ่าด้วยความกรุณามันอาจจะดี แต่เราไม่ถือว่าเป็นความกรุณา

    การที่มองชีวิตเหมือนเป็นสินค้าอย่างหนึ่งที่ว่า ใช้ได้พอสมควรแล้ว อยากทิ้งแล้ว ใช้แล้วทิ้งนี่นะ ก็เป็นมุมมองต่อชีวิตที่อาตมาไม่เห็นด้วย การุณยฆาตมันจะมีเหตุผลบ้างถ้าเชื่อว่า ‘ตายแล้วสูญ’ แต่เราถือว่าผู้ที่ค้นคว้าในเรื่องจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งที่สุด เป็นแบบนักค้นคว้า นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ คือพระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าทั้งหลาย ซึ่งยืนยันในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

    อายุหกสิบแล้ว ตายแล้วนี่จะไปไหน รับรองตัวเองได้ไหม มั่นใจว่ามันจะไปที่ดีไหม ถ้าคิดว่าปิดสวิตซ์หมดเรื่อง ก็อาจจะโอเคนะ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น จะอย่างไรไหม แล้วมั่นใจไหมว่าจะดับสูญ ด้วยเหตุผลอะไร

    เหมือนเราจะอยากรู้เรื่อง สมมติว่าอยากรู้เรื่องควอนตัมฟิสิกส์อย่างนี้ เราจะไปขอความรู้จากเด็กนักเรียน ม.สาม หรือจากศาสตราจารย์ที่ฮาร์วาร์ด คิดว่าถ้าเป็นไปได้นะ ศาสตราจารย์จากฮาร์วาร์ด

    ฉะนั้นอยากรู้ว่าตายแล้วไปไหนก็ไปศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้า ก็เป็นผู้รู้ในเรื่องนี้ดีที่สุด หรือถ้าอย่างน้อย สมมติว่

    • 5 min
    ธรรมละนิด : ประโยชน์สูงสุดของมนุษย์

    ธรรมละนิด : ประโยชน์สูงสุดของมนุษย์

    ศิษย์เข้าใจว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดของมนุษย์เรา คือ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน ความเข้าใจในคำว่า ‘ประโยชน์’ เช่นนี้ เพียงพอแล้วหรือไม่ พระอาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไร?

    คือประโยชน์ตน ความสุขตน ใช่ แต่มองในทางบวกก็คือ การปฏิบัติถึงขั้นนี้ ก็มีผลทำให้ความเมตตากรุณา ปัญญา ความเป็นอิสระภายในจะอุดมสมบูรณ์

    เพราะฉะนั้นผู้ที่ปล่อยวางหรือว่าหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย แล้วถึงพร้อมด้วยคุณธรรมทั้งหลาย เป็นผู้ที่สามารถสร้างประโยชน์กับส่วนรวมได้เต็มที่ เพราะไม่มี ไม่ต้องทำอะไรเพื่อตัวเองอีกแล้ว แล้วก็มีความเมตตากรุณา มีเจตนาบริสุทธิ์ในการสร้างประโยชน์ และมีปัญญา มีกุศโลบายในแนวทางที่จะสร้างประโยชน์ให้มาก

    เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเน้นในสิ่งที่ปล่อยวางไป บางทีมันจะฟังแบบ ไม่มีอะไร ไม่รู้จะอยู่ทำไม เรียกว่าเราก็ต้องบาลานซ์ (balance) ด้วยคุณธรรมที่เกิดทดแทนสิ่งที่ไม่ดีที่จากไปหรือขาดไป

    พระอาจารย์ชยสาโร

    • 2 min
    ธรรมละนิด : ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

    ธรรมละนิด : ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

    ขอท่านอาจารย์โปรดให้คำแนะนำการดูแลคุณพ่อหรือคุณแม่ซึ่งป่วยอยู่ในระยะสุดท้าย?

    หนึ่ง ก็ต้องเคารพในความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ อย่างเช่น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบฟังเทศน์ ไม่ชอบเลย ไม่ชอบ...อย่าไปบังคับมาก ...นี่ก็ต้องเปิดเสียงธรรมะ เปิดนั่น… ใช่ ถ้าเป็นเรานี่ก็คงดี แต่ต้องดูใจท่าน บางทีท่านอาจจะฟังเพลงมากกว่า คืออย่าไปแบบเข้มงวดมากเกินไป อย่าไป… เคารพในความต้องการของท่าน

    สอง นี่ก็ควรจะมีการสลับพอสมควร เพราะถ้าเหนื่อยมากเกินไป บางทีอารมณ์เราเสียแล้วตอนหลังก็เสียใจ ต้องดูแลสังขารของเราด้วย

    บางที...มันไม่ใช่บางที หลายครั้ง ผู้ที่อยู่วาระสุดท้ายเขาอยากไปเต็มที่แล้ว แต่ท่านไม่ไปเพราะเกรงใจลูก ลูกก็ทำท่าจะทำใจไม่ได้ถ้าคุณพ่อคุณแม่จากเราไป ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าให้ท่าน… ลูกก็รักมาก ลูกก็อยากให้อยู่นานๆ แต่ถ้าถึงเวลาคุณพ่อก็ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วง ของเราก็เรียบร้อยทุกอย่าง ไม่ต้องเป็นห่วง มันจะไปเมื่อไรก็ตามสบาย คือเหมือนเราอนุญาตว่า ท่านรู้สึกท่านพร้อมเมื่อไรท่านก็ไม่ต้องแบบอึดอัดใจว่า มันเป็นบาปไหมหนอ ทิ้งลูกที่กำลังทุกข์ใจ ก็เป็นการเสียสละของลูก

    แต่ถ้าพ่อแม่ผู้ที่อยู่วาระสุดท้ายท่านเป็นคนเข้าวัด ถ้าเรามีเปิดธรรมะบ้าง หรือว่าช่วงเช้าช่วงเย็น ชวนลูกหลานไปทำวัตรสวดมนต์กับท่านนี่จะดีมาก

    แต่อยู่ในห้องนี่ต้องดูแลอารมณ์ ถ้าเกิดความไม่พอใจกัน อย่าเพิ่งทะเลาะทั้งๆ ที่ท่านนอนแบบไม่รู้ คือคนที่หลับตาดูไม่รับรู้อะไรนี่ บางทีได้ยินหมดเลย คือหูจะเป็นอวัยวะสุดท้ายที่จะเสื่อมไป

    ถ้าท่านยังรู้ตัวอยู่ พยายามดูว่าท่านยังมีอะไรวิตกกังวลไหม มีอะไรที่ท่านไม่สบายใจไหม ชวนให้ท่าน

    • 3 min
    ธรรมละนิด : โฆษณากับมุสาวาท

    ธรรมละนิด : โฆษณากับมุสาวาท

    ในการทำการค้า บางครั้งอาจจะต้องใช้คำโฆษณาเชิญชวนให้คนคล้อยตาม เราจะมีวิธีรักษาศีลข้อมุสาวาทให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร?

    ก็คือศีลข้อนี้เป็นมาตรฐาน คือศีลห้าข้อนี่เป็นเครื่องระลึกของการเจริญสติในชีวิตประจำวัน คือไม่ใช่ว่ารักษาศีลจะได้เจริญสติ แต่ในการเจริญสติในชีวิตประจำวัน ศีลห้าข้อนี่มันเป็นเครื่องระลึกของสติ นี่มันจะอยู่ในใจว่า “เอ๊ะ จริงหรือไม่จริงอย่างไร” อันนี้ก็คือตัวสติ ก็เกิดขึ้นแล้ว

    เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ศีลบริสุทธิ์ต้องพูดตรงตามความเป็นจริง แต่ถ้าในบางกรณีรู้สึกเหลือวิสัยจริงๆ ก็ต้องให้มันตรงเท่าที่จะตรงได้ อย่างน้อยมันก็เป็นความคิดอยู่ในใจว่า พยายามให้ตรงที่สุด เพราะเป็นเครื่องระลึกของสติ บางทีมันก็จะทำให้ปัญญาทำงาน เอ้อ...เราสามารถพูดได้โดยไม่ต้องโกหกก็ได้ มันก็มีเทคนิคในการพูดที่เราค่อยเรียนรู้

    คือจะโฆษณาของ บางทีมันไม่ใช่ว่ามีทางเลือกระหว่าง พูดความจริงกับโกหกเต็มที่ มันก็มีวิธีพูดที่มันเป็นเรื่องศิลปะของการถ่ายทอดกับการสื่อสารกัน คือเราจะพูดกับคนล่าสัตว์เหมือนกันว่า ล่าสัตว์นี่อย่างไรก็เป็นบาป แต่ทำให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ แล้วทำอย่าให้โหดเหี้ยม อย่าให้มันมีการทรมาน ถ้าจริงๆ มีทางเลือกไม่ได้ อย่างน้อยให้ทำให้น้อยที่สุด ให้เป็นบาปให้น้อยที่สุด

    ในการโฆษณานี่ส่วนมากคนก็รู้อยู่ในระดับหนึ่งว่า เขาพูดเกินอย่างนั้นเอง “ดีที่สุดในประเทศไทย” หรืออะไรอย่างนี้ ก็เป็นการอวดตัวของเจ้าของสินค้า แต่ถ้าเราโกหกในลักษณะที่ทำให้เป็นการหลอกลวง หรือว่าทำให้คนเข้าใจว่าคุณภาพเป็นอย่างนี้ ซึ่งที่จริงคุณภาพก็แค่นี้ อันนี้เรียกว่าเป็นบาปมาก แต่ถ้าเป็นโฆษณาแ

    • 3 min
    ธรรมละนิด : ขี้กังวล

    ธรรมละนิด : ขี้กังวล

    มักจะขี้กังวลกับการใช้ชีวิต คอยพะวงหน้าพะวงหลังกลัวว่าจะทำสิ่งต่างๆ ได้ไม่ครบถ้วน ควรแก้ไขอย่างไรดี?

    ความรอบคอบเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ก่อนที่เราจะทำอะไร เราก็ทบทวนว่า ควรไม่ควร อย่างไร แต่ถ้าไม่ระวังมันจะเกินพอดี มันจะกลายเป็นการพะวง ซึ่งสิ่งที่ควรจะระลึกอยู่เสมอก็คือ ‘ชีวิตของเรานี่ ทุกครั้งที่เราต้องตัดสิน เป็นการเสี่ยง’ ไม่มี...ไม่มีในชีวิตที่เราจะรู้ล่วงหน้าร้อยเปอร์เซนต์ว่า แน่นอน ใช่เลย เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะผิดหวังหรือจะไม่เหมือนที่คิด มันก็มีอยู่เสมอไป

    พระพุทธองค์ก็เน้นที่จิตใจของเราที่มีความพร้อมที่จะรับมือ ที่จะได้กำไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ตาม เพราะฉะนั้นเราก็คิดแล้ว...มันน่าจะทำอย่างนี้นะ ถ้าเกิดไม่เหมือนที่คิด เราก็พร้อมที่จะปรับแก้ไขได้อยู่เสมอ

    เวลาเราให้กำลังใจใครก็บอกว่า “ประตูนี้ปิด ก็ทำให้ประตูนี้เปิด” ใช่ไหม แต่ในทำนองเดียวกัน ทุกครั้งที่ประตูนี้เปิด ก็มีประตูอีกหลายประตูที่ปิด เพราะฉะนั้นมันก็เป็นธรรมดาของชีวิต

    เราจึงต้องสังเกตตัวเองว่า การคิดพะวงอย่างนี้มันไม่เกิดประโยชน์กับชีวิตเลย หนึ่ง ก็ทำให้เหนื่อย สอง ก็จิตใจก็ไม่มีความสุข สาม การคิดพะวงกลับไปกลับมา ก็ไม่ได้ทำให้ปัญญาเพิ่มขึ้นในการตัดสิน ในการวิเคราะห์ปัญหา การแก้ปัญหา ก็มีแต่ลบ มีแต่เสียอย่างเดียว ก็เป็นนิสัยความคิดที่เราควรจะเห็นโทษ แล้วปล่อยวาง

    มันไม่ใช่ว่าทำอะไรก็ทำตามอารมณ์ แต่เราต้องหาความพอดี หรือถ้าเรารู้สึกว่าหาความพอดียาก ให้กำหนดเวลา อย่างเช่น โอเค วันนี้เราก็จะคิดทบทวน แต่พรุ่งนี้เช้าแปดโมง ต้องตัดสิน อะไรแบบนี้ คือให้เวลาเต็มที่ แต

    • 3 min
    ธรรมละนิด : นั่งสมาธิแล้วหลับ

    ธรรมละนิด : นั่งสมาธิแล้วหลับ

    เวลานั่งสมาธิมักจะหลับเสมอ ไม่ทราบมีวิธีใดบ้างที่จะปรับปรุง หรือพัฒนาการภาวนาได้บ้าง?

    เหตุผลที่หลับระหว่างการนั่งสมาธิมีหลายข้อด้วยกัน มันแล้วแต่ หนึ่ง บางทีก็เพราะขาดการพักผ่อน ถ้านั่งก็หลับ ลืมตาลุกขึ้นก็ยังง่วงอยู่ ก็ไปพักผ่อนดีกว่า แต่ถ้านั่งก็หลับ ลุกขึ้น สดชื่นเบิกบาน ก็คงเป็นเรื่องของกิเลส เป็นเรื่องของนิวรณ์

    เหตุผลข้อแรกก็คือ ความเข้าใจ ว่าการทำสมาธิคืออะไร เพื่ออะไร มันผิดพลาดเรียกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ อย่างเช่น เข้าใจความสงบคือความผ่อนคลาย ก็เลยต้องการความผ่อนคลาย พอเราอยู่กับลมหายใจเรื่อยๆ ความฟุ้งซ่านลดน้อยลง เริ่มจะรู้สึกผ่อนคลายก็ไปเพลินอยู่กับความผ่อนคลาย ก็เลยกลายเป็นง่วง

    แต่ถ้าเราเข้าใจว่าการภาวนาหรือการทำสมาธิ ก็เพื่อฝึกสติ ฝึกความตื่นรู้ ฝึกในการป้องกันกิเลสไม่ให้เกิดครอบงำจิต ฝึกในการปล่อยวางกิเลส ฝึกในการปลูกฝังคุณธรรม ฝึกในการบำรุงพัฒนาคุณธรรม เป็นเรื่องการทำความเพียรแล้วก็จะเป็นการป้องกันอยู่ในระดับหนึ่ง ที่สองก็คือ ฉันทะ ความพอใจ คือถ้า...เออถึงเวลานั่งก็นั่ง แต่ว่าความพร้อม ความกระตือรือล้นไม่มี มันก็มีสิทธิจะง่วงได้ง่าย

    สอง นอกจากนั้นในยุคปัจจุบันนี่ จิตใจของเรามันจะยุ่งทั้งวันนะ จิตมันจะคุ้นเคยกับความยุ่งเหยิงต่างๆ พอจะภาวนาแล้วมันจะไม่คิดอะไร มันเหมือนกับสมองจะเข้าใจว่าได้เวลาหลับแล้ว เพราะปกติในชีวิตประจำวันก็จะมี ฟุ้งซ่านกับหลับ สองอย่าง ไม่ฟุ้งก็หลับ ไม่หลับก็ฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นพอมันเริ่มฟุ้งซ่านน้อยลง สมองมันจะ...ได้เวลาหลับแล้ว
    วิธีจะป้องกันคือเปลี่ยนความคิด แล้วก็ก่อนจะนั่งให้สำรวจความรู้สึก มันมีความกระตือรือล้นไหม มันม

    • 5 min

Top Podcasts In Religion & Spirituality

The Bible Recap
Tara-Leigh Cobble
The Bible in a Year (with Fr. Mike Schmitz)
Ascension
Girls Gone Bible
Girls Gone Bible
BibleProject
BibleProject Podcast
WHOA That's Good Podcast
Sadie Robertson Huff
Elevation with Steven Furtick
iHeartPodcasts

You Might Also Like