3 ใต้ร่มโพธิบท

เรียนรู้หัวข้อธรรมะ ที่เป็นแผนที่แม่บท เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วยสูตร 15+45 คือนั่งสมาธิ 15 นาที แล้วตามด้วยการอธิบายหัวข้อธรรมะ 45 นาที เพื่อให้ตกผลึกความคิดเป็นสัมมาทิฏฐิ มีปัญญาเดินทางแผนที่คำสอนได้. New Episode ทุกวันพุธ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

  1. 3D AGO

    เบญจศีลและเบญจธรรม [6838-3d]

    พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง หลักคำสอนและวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ สรุปเป็นใจความสำคัญไว้ 3 ขั้น คือ ให้ละเว้นความชั่ว ให้ทำความดี และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ นี่คือเส้นทางที่จะนำไปสู่ทางหลุดพ้นได้ ซึ่งในครั้งนี้จะกล่าวถึงหลักธรรมที่เป็นขั้นของการชี้แนวทางแห่งโลกุตระ นั่นคือเบญจศีลและเบญจธรรม เบญจศีลและเบญจธรรม เป็นธรรมคู่กัน คนที่มีเบญจธรรมจึงจะเป็นผู้มีเบญจศีล ซึ่งหากคนมีศีลและธรรมดังกล่าวแล้ว จะเว้นจากการทำความชั่ว รู้จักควบคุมตนให้ตั้งอยู่ในความดี ไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น และประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ เบญจศีล คือ ศีล 5 ข้อ เป็นการรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาให้เป็นปกติ คือ ไม่ทำบาป โดยการละเว้น 5 ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักขโมย ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ละเว้นจากการพูดปด ละเว้นจากการเสพสุรา เบญจธรรม เป็นหลักธรรมที่ควรปฏิบัติ มี 5 ประการ ได้แก่ 1. เมตตากรุณา คือ บุคคลใดที่มีเมตตาย่อมไม่ฆ่า หรือเบียดเบียนสัตว์ เมตตากรุณาจึงเป็นจิตที่สามารถเพิ่มพูนพัฒนาได้จากการเว้นจากการฆ่า 2. สัมมาอาชีวะ คือ ประกอบอาชีพที่สุจริต มีรายได้ รู้จักใช้จ่าย และที่สำคัญรู้จักคำว่าพอดี และมีหิริโอตตัปปะ คือ ความละอาย และเกรงกลัวต่อผลของบาป จึงทำให้ไม่ลักขโมยของผู้อื่น 3. กามสังวร คือ ความสำรวมอินทรีย์ ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ทำให้ ความใคร่ในกามคุณ คือ การติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ลดน้อยลง เมื่อความสำรวมเกิดขึ้น จึงทำให้ไม่ประพฤติผิดในกาม 4. สัจจะ คือ การพูดความจริง เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดการมุสาวาท 5. สติสัมปชัญญะ คือ การรู้สึกตัว การไม่ประมาท เพราะรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ทำให้ไม่เกลือกกลั้วกับสิ่งที่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ เช่น สุราเมื่อคนดื่มกินก็ทำให้มึนเมาและขาดสติ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    57 min
  2. SEP 2

    อาวาสิกธรรม [6836-3d]

    อาวาสิโก คือผู้อยู่ประจำอาวาส ภิกษุผู้อยู่ประจำอาวาส และอีกหนึ่งนัยยะ อาวาสิโก ยังหมายถึงเจ้าอาวาส ซึ่งในภาษาไทยได้นำมาใช้ในบริบทที่ว่าคือผู้นำผู้ปกครองของวัดนั้น  อาวาสิกธรรม คือธรรมของผู้ที่อยู่ประจำถิ่น เป็นหลักธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำอาวาส การอยู่ประจำอาวาสอย่างไรที่จะทำให้ดีให้งาม ให้มีการเกิดประโยชน์เกิดบุญที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้ไปดีได้ในภพต่อๆไป ในตอนนี้ได้รวบรวมเนื้อหามาสรุปให้เป็นกลุ่ม โดยแบ่งตามคุณธรรมของผู้อยู่ประจำถิ่น ดังนี้ กลุ่มที่1 เป็นผู้มี ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติดังนี้ 1)ถึงพร้อมด้วยมารยาทและวัตร  2)เป็นพหูสูต ทรงความรู้  3)เป็นผู้ยินดีในการขัดเกลากิเลส ยินดีในความสงบ ยินดีในการที่จะไม่คลุกคลี  4)มีปัญญา เฉลียวฉลาดเห็นความเกิดขึ้นและดับไปอย่างแยบคายในการปฏิบัติ  5)แคล่วคล่องในการเข้า-ออกฌานทั้ง4 6)สามารถใช้ปัญญาและสมาธิที่มีนั้นในการที่จะบรรลุธรรม กลุ่มที่2 เป็นผู้มีสัมมาวาจา ดังนี้ 1)มีกัลยาณวาจาคือวาจางาม รู้จักพูด รู้จักเจรจาให้เป็นผลดี  2)สามารถกล่าวธรรมะให้ผู้มาหาเห็นแจ่มชัด ยอมรับไปปฏิบัติ เร้าใจให้แกล้วกล้า และเบิกบานใจ กลุ่มที่3 เป็นผู้ทำการงานดี ดังนี้ 1)รู้จักปฏิสังขรณ์เสนาสนะสิ่งของที่ชำรุดหักพัง ตามเหตุตามปัจจัย กลุ่มที่4 เป็นผู้จักปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลรอบข้าง ดังนี้ 1)ชักนำคฤหัสถ์ให้ถือปฏิบัติในอธิศีล  2)ยังคฤหัสถ์ให้ตั้งอยู่ในธรรมทัศนะ คือรู้เห็นเข้าใจธรรม 3)ไปเยี่ยมให้สติคนเจ็บไข้ 4)เมื่อมีสงฆ์หมู่ใหญ่มาจากต่างถิ่น ขวนขวายบอกชาวบ้านผู้ปวารณาไว้ให้มาทำบุญ 5)เมื่อรับทานใดๆมาแล้ว จะเลวหรือดี ก็ใช้ด้วยตนเอง ไม่ยังศรัทธาให้ตกไป กลุ่มที่5 เป็นผู้รู้จักยกย่องหรือติเตียน ดังนี้ 1)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงกล่าวตำหนิติเตียนบุคคลที่ควรตำหนิติเตียน 2)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงกล่าวยกย่องสรรเสริญบุคคลที่ควรยกย่องสรรเสริญ 3)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงแสดงความไม่เลื่อมใส ในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส 4)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงแสดงความเลื่อมใส ในฐานะอันควรเลื่อมใส กลุ่มที่6 เป็นผู้ไม่มีความตระหนี่ ดังนี้ 1)ไม่ตระหนี่หวงแหนที่อยู่อาศัย  2)ไม่ตระหนี่หวงแหนตระกูลอุปฐาก  3)ไม่ตระหนี่หวงแหนลาภ 4)ไม่ตระหนี่วรรณะคือหวงคุณความดีไม่อยากให้เขาได้ดี 5)ไม่ตระหนี่ธรรมะคือหวงวิชาความรู้ไม่ยอมสอนใคร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    53 min
  3. AUG 26

    สาราณียธรรม [6835-3d]

    บทสวด สาราณียะธัมมะสูตตัง  เป็นบทที่กล่าวถึงธรรมอันเป็นไปเพื่อความระลึกถึงกันและกัน คือธรรมแห่งการสร้างความสามัคคี เป็นบทสวดที่มาจากพระสูตรที่พระภิกษุจะมักสวดกันในวันเข้าพรรษา บทสวดนี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุไว้ที่เมืองสาวัตถี ณ วัดเชตวัน โดยกล่าวถึงธรรม 6 ประการ ที่เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วจะเป็นธรรมเครื่องก่อให้เกิดอานิสงส์ 7 ประการ คือ 1.สาราณียา (ระลึกถึงกัน) 2.ปิยะกะระณา (เป็นเครื่องกระทำให้เป็นที่รักกัน)  3.คะรุกะระณา (เป็นที่เคารพซึ่งกันและกัน) 4.สังคะหายะ (เป็นไปเพื่อ ความสงเคราะห์ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล)  5.อะวิวาทายะ (ไม่วิวาทกัน)  6.สามัคคิยา (เกิดความพร้อมเพรียงกัน)  7.เอกีภาวายะ(ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน) โดยองค์ประกอบของสาราณียธรรม 6 ประการที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงคือ 1.เมตตาทางกายทั้งต่อหน้าและลับหลัง 2.เมตตาทางวาจาทั้งต่อหน้าและลับหลัง 3.เมตตาทางใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง 4.การแบ่งปันลาภที่ได้มาโดยธรรม 5.มีศีลเสมอกัน ศีลไม่ทะลุไม่ด่างพร้อย 6.มีทิฏฐิอันประเสริฐ คือรู้เจาะจงในอริยสัจ 4 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    57 min
  4. AUG 19

    ธรรมที่สงฆ์ควรพิจารณาเนือง ๆ [6834-3d]

    พระพุทธเจ้าได้ทรงให้เกณฑ์ในการปฏิบัติให้การประพฤติพรหมจรรย์นั้นบริสุทธิ์บริบูรณ์อย่างสิ้นเชิง ไว้เป็นขั้นเป็นลำดับอย่างชัดเจน ในที่นี้จะนำเสนอในหัวข้อของ อภิณหปัจจเวกขณธรรมสูตร คือ ธรรมที่บรรพชิตพึงพิจารณาเนือง ๆ 10 ประการได้แก่ 1. พิจารณาถึงเพศที่แตกต่างจากคฤหัสถ์ 2. พิจารณาถึงการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ด้วยผู้อื่น 3. พิจารณาถึงอากัปกิริยาทางกายทางวาจา 4. พิจารณาถึงการติเตียนตนเองด้วยเรื่องของศีล  5. พิจารณาถึงการติเตียนเรื่องของศีล ด้วยผู้อื่น 6. พิจารณาถึงการพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น  7. พิจารณาเรื่องของ กรรม 8. พิจารณาถึงเวลาที่ล่วงไป 9. พิจารณาถึงการยินดีด้วยเสนาสนะอันสงัด 10. พิจารณาถึงคุณวิเศษ การพิจารณาธรรมเหล่านี้เนืองๆอย่างเป็นประจำจะช่วยให้เกิดความเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต นำไปสู่การปล่อยวาง การดำเนินชีวิตอย่างมีสติ และจะทำให้เป็นหนทางเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    55 min
  5. AUG 12

    “ขันติ” ความอดทนคือทุกสิ่ง [6833-3d]

    ปฏิปทาอันยิ่งยวดอย่างหนึ่งใน “ทศบารมี” นั้นก็คือ “ขันติ” คือ ความอดทนอดกลั้น เป็นตบะแผดเผากิเลสอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนา หรือไม่พึงปรารถนาก็ตาม จะสามารถรักษาความเป็นปกติเอาไว้ได้ ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ 8 ย่อมทำคุณธรรม “ขันติ” ให้ปรากฏขึ้นเป็นของแจ่มแจ้งแก่ตนเองได้ด้วย “ปัญญา” และถ้าพิจารณากันให้ดี ๆ จะเห็นว่า คุณธรรมที่ทำให้มีความอดทนนั้น มีอยู่มากมาย จึงอาจกล่าวได้ว่า “ขันติ” ความอดทนคือทุกสิ่ง ความอดทนแบ่งตามเหตุที่มากระทบ ได้แก่ อดทนต่อความลำบากตรากตรำ อดทนต่อทุกขเวทนาทางกายและทางใจ อดทนต่อกิเลส เปรียบความอดทนไว้กับทางไปสู่นิพพาน ถ้าคุณเจอสิ่งกระทบในระหว่างทาง คุณยังจะอดทนรักษามรรคไว้ได้อยู่ไหม? หรือจะเลือกเดินออกนอกมรรคไปไม่ถึงนิพพาน ขันติแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. อธิวาสนขันติ คือ ยังมีอารมณ์โกรธอยู่ แต่อดกลั้นไว้ได้ ไม่แสดงสิ่งที่เป็นอกุศลทางกาย วาจา ใจ ออกไป 2. ตีติกขาขันติ คือ ปฏิบัติได้เป็นปกติใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพราะผ่านการฝึกฝน ทำซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่บ่อย ๆ ในขั้น “อธิวาสนขันติ” คุณธรรมความอดทน ตัวอย่างในเรื่องของท่านพระปุณณะ พระสารีบุตร และท้าวสักกะ เป็นคุณธรรมที่แสดงให้เห็นการบ่มอินทรีย์ พละ ศีล สมาธิ ปัญญา พรหมวิหาร อานิสงส์ของความอดทน คือ ย่อมเป็นที่รักของคนเป็นอันมาก เป็นผู้ไม่มากด้วยเวรไม่มากด้วยโทษ เป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    56 min
  6. AUG 5

    นักรบในธัมม์ [6832-3d]

    พระพุทธเจ้าได้ทรงบอกสอนธรรมะไว้อย่างมากมาย การนำคำสอนไปปฏิบัติกับการศึกษาคำสอนนั้น เป็นคนละอย่างกัน พระพุทธเจ้าได้ทรงบอกสอนไว้อย่างรัดกุมหลายนัยยะ โดยการเปรียบเทียบอุปมาอุปไมยไว้หลายข้อธรรมดังนี้ 1) อุปมาอุปไมยเรื่องทะเล พระพุทธเจ้าได้ทรงเปรียบเทียบไว้ถึง 8 ประการ ในที่นี้จะกล่าวถึงประการที่ว่า มหาสมุทรไม่อยู่รวมกับซากศพ เพราะคลื่นจะซัดเอาซากศพเข้าฝั่งเสมอ เปรียบเทียบกับการผู้ที่ทุศีล ปรารถนาลามก สุดท้ายจะถูกเปิดเผยทำให้อยู่ร่วมกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ได้ 2) อุปมาอุปไมยภิกษุกับนักรบอาชีพ 5 จำพวกคือ:  นักรบที่หวั่นไหวเพียงเห็น ฝุ่นฟุ้งก็ถอยเปรียบกับ ผู้เริ่มปฏิบัติที่ใจยังอ่อน เจอเรื่องเล็กน้อย เช่น ง่วง เบื่อ หิว ก็ท้อนักรบที่ทนฝุ่นได้ แต่แพ้เมื่อเห็นยอดธงข้าศึกก็กลัวเปรียบกับ ผู้ฝึกปฏิบัติระดับหนึ่ง แต่ยังแพ้ต่ออารมณ์ เช่นโกรธ หลงนักรบที่ทนฝุ่น ทนธงได้ แต่หวั่นเมื่อได้ยินเสียงข้าศึก มีผัสสะกระทบแรง ๆ เช่น คำด่า ลาภ เสียงนินทาเปรียบกับ ผู้ที่ยังหวั่นไหวต่อกระแสโลก ไม่สามารถวางเฉยได้จริงนักรบที่ทนทุกอย่างได้ แต่ยังกลัวการปะทะสุดท้าย เปรียบกับ ผู้ใกล้หลุดพ้น แต่ยังติดดี ติดสงบ หวงอัตตานักรบที่กล้าเผชิญทุกอย่าง ชนะได้ทุกด่านเปรียบกับ พระอรหันต์ ผู้สิ้นสงครามใจ ชนะกิเลส ละนิวรณ์ ข้ามพ้นวิจิกิจฉาเห็นอริยสัจสี่ บรรลุ วิมุตติ (ความหลุดพ้น) เปรียบเทียบภิกษุในธรรมวินัยนี้ต้องต่อสู้กับภัย 4 อย่างของผู้ออกบวชคือ 1) ภัยเพราะปลาร้ายคือผู้หญิง 2) ภัยเพราะจระเข้ คือเรื่องปากท้อง 3) ภัยเพราะคลื่น คือความเกิดความคับแค้น 4) ภัยเพราะน้ำวนคือข้องอยู่กับเรื่องกาม เช่น การที่ต้องดูแลครอบครัวสมบัติ หากหลีกพ้นจากภัยเหล่านี้ได้ก็จะยังเป็นภิกษุที่ยังครองตนอยู่ในธรรมวินัยของพุทธศาสนานี้ได้ 3) อุปมาอุปไมย เรื่องหนู หนูที่ขุดรูแต่ไม่อยู่ เปรียบเหมือนผู้ที่ศึกษาธรรมะ แต่ไม่ได้นำไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันหนูที่อยู่แต่ไม่ขุดรู เปรียบเหมือนผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมะ แต่ไม่ได้ศึกษาธรรมะให้เข้าใจอย่างถ่องแท้หนูที่ไม่ขุดรูและไม่อยู่ เปรียบเหมือนผู้ที่ไม่ศึกษาธรรมะและไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมะหนูที่ทั้งขุดรูและอยู่ เปรียบเหมือนผู้ที่ศึกษาธรรมะและนำไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันยังมีอุปมาที่คล้ายกับเรื่องหนูคือ พระพุทธเจ้าทรงเปรียบภิกษุทั้งหลายเหมือนเมฆ 4 ชนิด 4) อุปมาอุปไมย เรื่องหม้อและห้วงน้ำ หม้อเปล่าปิดฝา เปรียบเหมือนภิกษุที่ภายนอกดูเหมือนสงบสำรวม แต่ภายในใจยังเต็มไปด้วยกิเลสและความมืดบอดหม้อเต็มเปิดฝา เปรียบเหมือนภิกษุที่ภายนอกดูไม่น่าเลื่อมใส แต่ภายในใจเต็มไปด้วยธรรมะและความรู้หม้อเต็มปิดฝา เปรียบเหมือนภิกษุที่ภายนอกและภายในเต็มไปด้วยธรรมะและความรู้หม้อเปล่าเปิดฝา เปรียบเหมือนภิกษุที่ภายนอกและภายในว่างเปล่าจากธรรมะและความรู้ และยังมีอุปมาที่เปรียบเทียบกับห้วงน้ำที่คล้าย ๆ กันด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    58 min
  7. JUL 29

    วิธีพิจารณาหลักธรรมคำสอนเพื่อสุขในปัจจุบัน [6831-3d]

    พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมไว้อย่างมากมายแสดงไว้อย่างดี รัดกุม รอบคอบ ไม่หละหลวม ในที่นี้จะนำธรรมมะที่กล่าวถึงวิธีคิดวิธีไตร่ตรองพิจารณาในแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อนำทางแห่งความสุขในปัจจุบัน โดยจะนำธรรมะหลายหัวข้อมากล่าวดังนี้ ประการแรก เป็นธรรมง่ายๆย่อๆที่พระพุทธเจ้าบอกแก่นางโคตรมี กล่าวไว้ใน “โคตรมีสูตร” เป็นข้อธรรมที่นางโคตรมีจะนำไปปฏิบัติเมื่ออยู่คนเดียว หลักเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้คือ 1.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด 2.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อละเครื่องร้อยรัดความยึดถือ 3.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อความไม่สั่งสมกิเลส 4.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อความมักน้อย 5.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อความสันโดษ 6.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อความสงัด 7.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อความเพียร 8.ธรรมคำสอนเป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย ลักษณะคำสอนของพระพุทธเจ้าต้องมีทั้ง 8 ประการนี้เป็นเกณฑ์ แต่ต้องไม่ยึดถือในหลักเกณฑ์ พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่ชาวกาลามโคตร ใน “เกสปุตตสูตร” ไว้ว่าอย่าได้ยึดถือโดยได้ยินได้ฟังมา, โดยอ้างตำรา, โดยคาดคะเน, โดยความตรึกตามอาการ แต่หลักการที่ถูกต้องให้ดูว่า กุศลเพิ่ม อกุศลลด หรือไม่ ประการที่สอง กล่าวถึงการพิจารณาถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ควร-ไม่ทำ โดยจะนำ “เตวิชชสูตร” มากล่าวโดยกล่าวถึงข้อปฏิบัติของพราหมณ์ที่จะให้ได้ไปอยู่กับพรหม ให้พิจารณาว่าพิธีกรรมที่ทำนั้นเป็นไปอย่างไร เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวร้อยรัดหรือไม่ จองเวรหรือไม่ เบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ เศร้าหมองหรือไม่ ฟุ้งซ่านหรือไม่ หากพิธีกรรมต่างๆเป็นไปเพื่อสิ่งเหล่านี้ก็ต้องเว้นการปฏิบัติเสีย ประการที่สาม ข้อปฏิบัติอันใดที่เราควร-ไม่ควรกระทำ สูตรที่จะนำมากล่าวคือ “อนุมานสูตร” กล่าวถึงอุปกิเลส 16 ประการ ที่มาประกอบในการพิจารณาที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ พิจารณาถึงคนอื่น ว่าหากเราทำสิ่งไม่ดีกับบุคคลอื่น เขาคงจะไม่ชอบ แล้วมองกลับกันว่าหากเขาทำสิ่งนี้กับเรา เราก็คงจะไม่พอใจ ดังนั้นเราก็ต้องพิจารณาว่าเราไม่ควรทำอย่างนั้นกับคนอื่น พิจารณาที่ตัวเองว่าเรามีอกุศลธรรมเกิดขึ้นในใจตนหรือไม่ หากมีแล้วจะทำสิ่งที่เป็นอกุศลนั้นกับคนอื่น ก็จงรีบละมันเสีย ประการที่สี่ วัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ควร-ไม่ควรทำ นำหลักธรรมจาก สาเลยกสูตร มาพิจารณาเป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวกับชาวบ้านสาเลยกะ เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติทาง กาย วาจา ใจ จะทำให้เข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาตนรกหรือสุคติโลกสวรรค์ เกณฑ์ที่ท่านได้นำมาพิจารณาคือใช้เกณฑ์ความดีของวิญญูชน คนดีทั่ว ๆ ไปที่เขาเป็นกัน โดยนำเรื่องศีล ทิฐิความเห็นต่างมาพิจารณา ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    59 min

Ratings & Reviews

About

เรียนรู้หัวข้อธรรมะ ที่เป็นแผนที่แม่บท เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วยสูตร 15+45 คือนั่งสมาธิ 15 นาที แล้วตามด้วยการอธิบายหัวข้อธรรมะ 45 นาที เพื่อให้ตกผลึกความคิดเป็นสัมมาทิฏฐิ มีปัญญาเดินทางแผนที่คำสอนได้. New Episode ทุกวันพุธ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

More From Panya Bhavana Foundation

You Might Also Like